วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2551

ขอร่วมไว้อาลัย สมเด็จพระพี่นางฯ


แถลงการณ์ฉบับที่ 39 สมเด็จพระพี่นางฯ สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 02.54 น. ของวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2551 ก่อนอ่าน..บทความนี้ ขอนำบทเพลง "แสงทองคือรุ้งงาม" บทเพลงที่พระพี่นางฯ ทรงโปรด ไว้ที่ระลึกและร่วมไว้อาลัย เป็นเรื่องที่เราคนไทยทุกคนต้องใจหาย และเศร้าใจ หลังจากเราทุกคนได้ร่วมส่งท้ายและฉลองการเริ่มต้นใหม่แห่งปี และการรับแต่สิ่งดีๆ เข้ามา เราได้สนุกสนาน เราได้ฉลองกับงานรื่นเริง แต่ในวันนี้ 2 ม.ค.2551 หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป ขอให้เราทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระพี่นางฯ ที่ทรงปฏิบัติภาระกิจตามรอย สมเด็จย่าฯ ทรงช่วยเหลือและอยู่ใกล้ชิดในหลวงฯ ทรงเป็นแม่ของลูก เป็นป้าของหลานๆ ในราชวงศ์ไทย 84 ปี ณ วันนี้ท่านทรงสิ้นพระชนม์และไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 02.54 น. ของวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ทางสำนักพระราชวังจคงประกาศให้ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทุกหมู่เหล่า ร่วมไว้อาลัยเป็นเวลา 100 วัน และ ในหลวงโปรดเกล้าให้ ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพได้ที่ โรงพยาบาลศิริราช ดังนั้น ด้วยตัวแทนพี่น้องชาวไทยอีกหนึ่งคน ข้าพระพุทธเจ้าขอร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของพระองค์ ขอให้ดวงวิญญาณของพระองค์ทรงไปสู่แดนสุขาวดี ในเขตพัทธสีมาเบื้องบน ขอให้ดวงวิญญาณของพระองค์จงสงบสุขและอยู่คู่กับสมเด็จย่าฯ และคุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระเกษมสำราญ ทรงแข็งแรงอยู่คู่กับเราชาวไทยตลอดไป และทรงคุ้มครองประเทศชาติให้มีแต่ความสงบสุข พระพี่นางฯ ทรงเป็นดั่ง "รุ้งงาม" ของประชาชนชาวไทยตลอดกาลนาน ข้าพระพุทธเจ้าขอพระอนุญาติถวายบทเพลงที่พระองค์ทรงโปรดเพลงนี้ ให้พระองค์ทรงสู่สุขคติ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯ ข้าพระพุทธเจ้า คณะจัดทำ Web Blog PRC ADAMAS

บันทึกจากความทรงจำของพ่อครูแฮริส แปลโดย อ.หมวก ไชยลังการณ์


(บันทึกจากความทรงจำของพ่อครูแฮริส แปลโดย อ.หมวก ไชยลังการณ์) หลังจากได้รับอนุมัติจากกรรมการของบอร์ด ที่นิวยอร์คให้ดำเนินการจัดหาสถานที่เพื่อสร้างโรงเรียนได้ ฉันพยายามเสาะแสวงหาสถานที่เหมาะสม เขียนจดหมายร้องขอวิงวอนขอความช่วยเหลือ ก็ยังไม่ได้รับตอบสักรายเดียว เงินสดที่อยู่ในมือขณะนั้นก็มีแค่ 800 ดอลล่าร์ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่ มร.ฮาร์แลนด์เพช ส่งมาช่วยเหลือคราวก่อน ฉันได้ตระเวนดูสถานที่หลายที่หลายแห่ง แต่ไม่มีสักที่เดียวที่พอใจ ต่อมาบริษัทชาวอังกฤษได้เสนอขายที่นา ที่เนื้อประมาณ 20 หรือ 22 ½ ไร่ ซึ่งร้างมาแล้วหลายปี ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก(ฝั่งซ้าย) ของแม่น้ำปิง ในราคา 2,600 รูปี ตามราคาที่เสนอมานี้ก็หมายความว่าเงินที่ฉันมีอยู่ทั้งหมดไม่มีเหลือหลอ ฉันจึงลังเลที่จะทุ่มเทซื้อ แต่ภรรยาของฉันมองเห็นการณ์ไกลกว่าฉัน ก็หนุนให้ฉันซื้อ เธอคิดถูก ฉันเองไม่เคยลืมที่จะโมทนาขอบคุณพระเจ้า ที่เราตัดสินใจเช่นนั้น ถ้าจะว่าไปตามจริง สถานที่นี้ก็ไม่มีทีท่าที่แสดงให้เห็นว่าจะดีเด่นอย่างไร ทางที่เราจะไปถึงที่ดินแหล่งนี้ก็เป็นเพียงตรอกที่แคบและสกปรก และตรงกลางๆที่นามีปลักควายขนาดใหญ่อยู่ปลักหนึ่ง และไม่มีต้นไม้ซักต้นเดียว เมื่อ ดร.อาเธอร์บราวน์ แห่งกรรมการบอร์ดนิวยอร์ค มาเยี่ยมเยือนกิจการงานของสถานีมิสชั่นก่อนที่เราจะมีโอกาศได้เริ่มพัฒนาสถานที่ ฉันนำท่านไปชมสถานที่ เมื่อไปถึงแล้ว ท่านมองดูเพียงแวบเดียวแล้วก็กระตุ้นม้ากลับมาโดยไม่พูดอะไรซักคำ เกียรติ์อันใดที่พึงได้รับก็เห็นจะต้องยกให้แก่ภรรยาของฉันผู้ได้ช่วยปรับปรุงสถานที่ทำให้งามสง่าดังที่เห็นอยู่ในเวลานี้และเธอเป็นผู้ชำนาญในการ ทำสวนโดยแท้ เธอสั่งในคนงานปลูกต้นมะพร้าว 200 ต้น ปลูกเฟื่องฟ้า (ต้นตรุษจีน) และ ต้นดอกชะบา ดอกฟล็อก ดอกไม้ต่างๆสั่งเมล็ดพันธ์จากอังกฤษ และต้นไม้ที่มีดอกสดสล้าง ข้อนี้ก็ต้องขอบคุณเธอเป็นอย่างมาก เพราะสนามของโรงเรียนเราเป็นจุดเด่นที่สวยงาม ในภาคเหนืออีกแห่งหนึ่งแก่ผู้มาเยือนเป็นที่เจริญตา ว่ากันตามจริง ไม่ว่าในที่ใด ก็ย่อมจะมีผู้พยากรณ์ประเภทนิเสธ(negative)เสมอ มีคนหนึ่งในพวกเราพูดทำนายว่าจะมีนักเรียนที่ไหนเดินมาเรียนหนังสือ เพราะตั้งอยู่ชานเมืองไกลสุดกู่ อีกคนก็แสดงความคิดเห็นว่าที่ดินของเรากว้างเกินไปควรจะแบ่งขายเสียบ้าง แต่จะเห็นได้ในเวลาต่อมาว่าผู้พยากรณ์เหล่านั้น ผิดถนัด ที่ว่าหนทางไกลนั้นหาได้เป็นอุปสรรคแก่นักเรียนเลย ยิ่งกว่านั้นมีเด็กนักเรียนหลายคนเดินมาจากชนบทที่ไกลหลายกิโลเมตร และต่อมาบริเวณใกล้เคียงรอบๆ เราก็กลางเป็นบ้านเมืองขึ้น ส่วนที่ว่าบริเวณกว้างเกินไปนั้น พอตกประมาณปี 2463 บริเวณที่ว่างเปล่าก็มีอาคารตั้งอยู่เรียงราย และนับว่าโชคดีเหลือเกินที่สามารถซื้อที่ดินขยายออกไปได้อีกประมาณ 62 ½ ถึง 75 ไร่ก่อนที่มันจะสายเกินไป เมื่อได้รับอนุมัติจากกรรมการบอร์ด ให้เริ่มวิ่งเต้นหาเงินได้ ฉันก็เริ่มส่งจดหมายไปยังญาติและบรรดาเพื่อนฝูงร้องขอให้เขาช่วย และเมื่อฉันได้กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อปี 2446 , 2463 และ 2467 ฉันได้ใช้เวลาส่วนมากในการติดต่อกับบุคคลต่างๆ มีผู้ตอบสนองอย่างกว้างขวาง ญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณแม่ของฉัน คือพวกตระกูลบัทเล่อร์แห่งยองเกอร์ได้บริจาคหลายพันดอลล่าร์ทันที และได้ช่วยเหลือตลอดเวลาหลายปี เพื่อนของฉัน ฮาร์แลนด์เพช ได้ให้เงินก้อนหนึ่ง เพื่อนใช้ในการสร้างโรงนอนหลังเล็กๆหลังแรก ลูกพี่ลูกน้องของฉันชื่อ ทอมัสแฮรีส เพาเวอร์ ก็บริจาคเพื่อสร้างโรงอาหารหลังใหญ่ นางสาวแอนแลฟลิน ให้เงิน 10,000 ดอลล่าร์ เพื่อใช้ในการสร้างโบสถ์ประจำโรงเรียนที่น้องชายของฉัน แวนแอลเล็น แฮรีส กำลังเขียนแผนผังอยู่ และได้เดินทางมาเชียงใหม่เพื่อควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง และควบคุมการสร้างหอประชุมในเวลาเดียวกัน กอประชุมหลังนี้เพื่อนของฉันที่หมาวิทยาลัยปรินสตัน ซึ่งอาสาหาเงินให้ โดยการนำของ ดร.ว.ค.เพรนติสเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนรักที่สุดคนหนึ่งของฉัน และยังส่งเงินมาช่วยเหลือโรงเรียนเป็นประจำ โรงประชุมนี้นับว่าเป็นอาคารที่ใช้ได้เอนกประสงค์ คือใช้ได้นานาประโยชน์ ยิ่งกว่าอาคารหลังใดๆในโรงเรียนของเรา นักเรียนใช้เป็นสถานที่ในการประชุมสโมสรวิทยา(สมัยเราก็มีทุกๆวันศุกร์) การแสดงละคร แถมใช้เป็นการต้อนรับแขกที่มีคนมาร่วมเยอะ ๆ เป็นห้องสอบไล่ก็ดีที่สุด และ ใหญ่ที่สุด ชาวอังกฤษผู้หนึ่งชื่อ อาร์เธอร์เวอร์เนย์ มาพักกับเราก่อนเดินทางไปยิงสัตว์ที่อินเดีย ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ส่งเงินมาบำรุงโรงเรียนปีละ 200 ดอลล่าร์ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี โดยเราไม่ได้ขอร้องเลย สุภาพสตรีชาวยิว ผู้หนึ่งสัญญาจะส่งเงินมาให้ 250 ดอลล่าร์ แต่ยื่นเช็คราคา 500 ดอลล่าร์ให้ฉัน ฉันจึงบอกเธอว่า “ แต่คุณสัญญาว่าจะให้ 250 ดอลล่าร์นี้นา ” เธอกลับตอบว่า “ เงินที่เกินมานั้นของคุณแม่ฉันต่างหาก ” เพื่อนของฉันอีกคนหนึ่ง ที.เอ็ช. เซเล่อร์ ก็มีน้ำใจกว้างขวางไม่น้อย ได้ส่งเงินมาช่วยเราเรื่อยๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายสิบปี ช่วยเหลือในการประชุมอบรมครูของเรา ในระหว่างฤดูร้อน ( สมัยนั้นเราเขาเรียกว่าประชุมนอมอล์ ถ้าเป็นสมัยนี้คงเรียกว่า สัมมนา ) และให้เงินเพื่อส่งนักเรียนของเราไปเรียนหนังสือที่มนิลา ( ผู้รวบรวมเรื่องนี้ก็เพิ่งรู้มาตอนนี้เอง ตอนนั้น 2465 โรงเรียนส่ง แก้ว เนตรโยธิน , บุญมี รุ่งเรืองวงศ์ และ ผู้รวบรวมเรื่องนี้ ) และทุกครั้งที่ฉันเขียนไปขอร้อง เข้าไม่เคยปฎิเสธเลย มีอยู่รายหนึ่งที่ฉันจั๊กจี้ขบขันยิ่งนัก นั้นคือ ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของฉันที่ร่ำรวยมาก และเขาก็ได้ภรรยาที่ร่ำรวยมากเช่นกัน แต่ว่าเขาเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตลอดชีวิต เขาได้กรุณาส่งเงินมาให้ฉัน 25 ดอลล่าร์ พร้อมกับเขียนจดหมายอย่างละมุนละไมกำกับมาด้วยและลงท้ายจดหมายว่า “ ด้วยใจจริงแล้วฉันอยากจะส่งมาช่วยมากกว่านี้ แต่ในระยะนี้เงินฉันขาดมือ ” ฉันเชื่อว่าเป็นความจริง เพราะ ฉันรู้จักเขาดี นายแพทย์ ที เฮวาร์ด เฮล์ ชาวอเมริกันคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ และ ภรรยาชาวเดนมาร์ค เป็นมิตรสหายที่ดีของเรา ซึ่งเราต้องไปพักกับเขาทุกครั้งที่เราเดินทางผ่านกรุ่งเทพฯ ทั้งสามีภรรยาจัดว่าร่ำรวยมากทีเดียวและใจกว้างขวางด้วย ในปี 2459 ขณะที่ หมอแมคเคน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโรคเรื้อนแมคเคนกลับไปเยี่ยมบ้าน ฉันต้องรับหน้าที่รักษาแทน และทราบว่าโรงพยาบาลแมคเคนต้องการเงินมาก ฉันจึงเขียนเรื่องส่งไปลงหนังสือพิมพ์ที่กรุงเทพฯ หมอเฮล์บังเอิญได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ส่งเช็คมาให้ฉันเท่ากับจำนวนเงินทั้งหมดที่ฉันลงข่าวนั้น คือ 3,000 บาท ในปี 2463 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงไม่นาน ทางโรงเรียนต้องการเงินเพื่อทำการปรับปรุงตกแต่ง ฉันเขียนหนังสือไปยังหมอเฮลืบอกว่าฉันต้องการเงินจำนวนหนึ่งและขอให้บริจาคตามสมควร แต่หมดเฮล์ กลับส่งไปให้ตามจำนวนที่ฉันระบุไว้คือ 2,000 บาท ภรรยาหมอเฮล์ถึงแก่กรรมเมื่อ 2463 ด้วยอหิวาตกโรค และสี่ปีต่อมา (2467) หมอเฮล์ได้อุทิศเงินจำนวน 70,000 ดอลล่าร์ ซึ่งได้ลงทุนไว้ในธุรกิจต่าง ๆ ให้แก่โรงเรียนเรา (ตามที่สืบทราบหมอเฮล์ได้ทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินของท่านออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน บริจาคให้แก่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ห้องสมุดคิลสันเฮล์ที่ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพฯ โรงพยาบาลโรคเรื้อนเกาะกลางเชียงใหม่ และโรงเรียนเรา โดยมีเงื่อนไขว่าจะใช้ได้แต่เฉพาะผลประโยชน์ที่เกิดจากการลงทุนนั้นเท่านั้น เพื่อใช้ในการบูรณะซ่อมแปลง) ดร. แฮรีศ เคยเล่าเรื่องคุณลักษณะหมอเฮส์ให้นักเรียนและครูฟังในห้องประชุมหลายครั้งว่า หมอเฮส์เป็นผู้มีน้ำใจกว้างและเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนในการใช้จ่ายมาก ขณะใดที่คุณพ่อของเราลงไปกรุงเทพฯ และไปค้างที่บ้านของท่าน อาหารเย็นและคุยกันพอสมควร ต่างก็แยกย้ายไปนอน หมอเฮส์กับคุณพ่อของเราเกือบจะทุกครั้งว่า อย่าลืมปิดก๊อกน้ำให้ดีนะ และก่อนนอนอย่าลืมปิดไฟเสียด้วย ตอนแรก ๆ คุณพ่อก็รู้สึกเคืองบ้าง เพราะเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว และคุณพ่อของเราก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่เกี่ยวกับประหยัด ต่อ ๆ มาก็ชินและเข้าใจอย่างถูกต้อง เมื่อหมอเฮส์พูดให้เข้าใจถูกต้องว่า “ ใช้น้ำและไฟเถิด แต่อย่าให้สูญเปล่า ( Use it , but don’t waste it ) ที่จะเขียนรายนาม ผู้ให้อุปการะโรงเรียนมาตลอดระยะเวลา 40 ปี ขณะที่ฉันบำเพ็ญตนเป็นขอทานสมัครเล่นนั้น เห็นจะเป็นการเกินวิสัยที่จะทำได้ และหากจำเป็นที่จะต้องทำ ก็น่ากลัวจะเป็นเรื่องที่ยาวเหยียดแต่มีความจริงหลายประการปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในความสนใจของฉัน เช่น บรรดาจดหมายหลายสิบฉบับหรือหล่ยร้อยฉบับที่ฉันเขียนไปติดต่อคนทั้งหลาย จะได้รับตอบมาเกือบทั้งหมดเลย และเงินบริจาคที่ได้รับนั้นมากเกินกว่าที่เคยนึกฝันไว้เสียด้วย และจดหมายตอบทุกฉบับก็ตอบมาอย่างมีน้ำใสใจจริง มีอยู่เพียงฉบับเดียวเท่านั้นที่ทำให้ฉันเสียใจและท้อใจมาก และมาบัดนี้ เมื่อนึกถอยหลังกลับไป ฉันก็นึกไม่ออก และประหลาดใจตนเองว่า ฉันกล้าหาญที่จะออกปากขอเงินเขาได้อย่างไร เพราะฉันติดต่อกับคนทุกชั้นทุกประเภททีเดียว นอกจากนั้นบางคนนั้นไม่มีพันธะอะไรต่อกัน ที่ฉันจะออกปากขอจากเขาได้ และนอกจากนั้นก็มีมากรายที่ฉันขอแล้วขออีกและได้รับความช่วยเหลือตลอดมา(ผู้รวบรวมทราบและเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เงินที่ผ่านมือท่านเพื่อกิจกรรมของโรงเรียนนั้นมือของท่านสะอาดหมดจด แม้กระทั่งเงินที่ญาติมิตรบางคนเจาะจงมอบให้เป็นการส่วนตัว ท่านก็ไม่เคยนำเอามาใช้เลย เพราะอุปนิสัยประการหนึ่งของท่าน คือเป็นคนสมถะสันโดษมักน้อย) ในวันที่ 2 มกราคม 2448 สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฏราชกุมาร (พระองค์ที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ที่ 1 คือเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ) เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้ทรงวางศิลารากของอาคารเรียนหลังแรกที่มีชื่อว่า Butler Hall (อาคารหลังนี้ได้รื้อเสียแล้ว ส่วนแผ่นศิลาจารึกนั้น นักเรียนเก่าได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นและเชิญไปประดิษฐานไว้ที่นั่น) และพระราชทานนามโรงเรียนว่า The Prince Royal’s College ฉันเองรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างล้นเหลือสำหรับนามนี้ ซึ่งบอกลักษณะสูงส่งเหลือเกิน เพราะคาดไม่ถึงและเคยคิดว่า คงจะทรงพระราชทานนามว่า “ โรงเรียนวชิราวุธ ” แต่ฉันคิดว่าพระองค์คงจะทรงคิดตามแบบชาวอังกฤษโรงเรียนแรกที่ทรงศึกษา ก็มีชื่ออีตั้นคอลเลซ และทรงยืนยันว่าจะให้ใช้ชื่อนั้น ครั้งแรก ฉันเองก็เกือบจะไม่กล้าใช้ชื่อนั้น แต่ ดร.แมคกิลวารี (พ่อตาของฉัน) ได้พูดอย่างผู้ชายฉลาดว่า “ เราไม่มีทางเลือกหรอก จำเป็นต้องใช้ตามที่ได้รับพระราชทาน “ และแล้วพยายามที่จะสร้างโรงเรียนของเราให้มีชื่อเสียง สมกับนามอันเป็นมงคลนี้ และตั้งหน้าเดินมุ่งหน้าพยายามให้ไปถึงเป้าอันสูงสุดรั้น วันเวลาก็ผ่านไปและโรงเรียนของเราเจริญขึ้น ๆ ชื่อเสียงของโรงเรียนก็แผ่กว้างออกไปทั่วประเทศ และนามที่ได้รับพระราชทานนั้นก็เหมาะสมยิ่งนัก

ภาพหมู่ 1

ถึงเพื่อนชาว PRC ที่รักทุกคน

เช้าตรู่ของวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 ในขณะที่ทั่วแผ่นดินสยามกำลังเศร้าโสกกับการสูญเสียผู้ซึ่งเป็นที่รักของปวงชน นั้นคือ ข่าวการสิ้นพระชนน์ของสมเด็จพระพี่นางฯ พวกเราในฐานะตัวแทนรุ่น ADAMAS ได้เข้าร่วมพิธีฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดโรงเรียน 102 ปี ด้วยความรู้สึกที่สับสน นั้นคือ"ดีใจ"และ "เสียใจ" คละเคล้าปนกันอย่างบอกไม่ถูก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ปรินส์รอยแยลส์ วิทยาลัยเป็นนามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความจงรักภักดีของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และการได้รับพระราชทานนามจากพระองค์ท่าน ทำให้พ่อครูแฮริสรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและปลาบปลื้มเป็นยิ่งนัก เพราะท่านไม่นึกว่าพระองค์ท่านจะพระราชทานนามอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้กับพวกเรา เพื่อนที่เคยมีประสบการณ์ใช้ชีวิตในต่างประเทศ หรือเคยสอบสัมภาษณ์งานกับชาวต่างชาติ คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดีว่ามันช่างน่าภูมิใจแค่ไหนที่ได้จบจากโรงเรียนที่มีนามพระราชทาน(เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษ!?) อันยิ่งใหญ่เช่นนี้

จากนี้ต่อไปขอให้พวกเรารำลึกอยู่เสมอว่า ถึงแม้เส้นทางชีวิตของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่เรามีจุดเริ่มต้นเดียวกัน........ จากโรงเรียนที่มีชื่อเรียกว่า Prince Royal's College !

เพื่อนคนไหนอยากส่งบทความอะไร เชิญส่งได้ที่ pongpiajun@gmail.com พวกเราจะพยายาม Upload ให้ตลอด

ด้วยความรักและคิดถึงเพื่อนทุกคน

คณะจัดทำ PRC ADAMAS Blog

ภาพหมู่2


ภาพหมู่3



เจื้อและพรรคพวก


สาว สาว สาว สาว


ออยท้อง


แหย่ง


แซม2


เต้1


แซมสวยเหมือนเดิม


น้องภูมิ 4 เดือนแล้วครับ


Pam Pornprapa


น้องภูมิ 4 เดือนแล้วครับ

Am+ in Melbourne



Hi ! Guys

My friend 's got a private airplane, I took this opportunity taking scenic flight to see the magnificent sight seeing around Melbourne. So awesome !!

C u,...byee..eee
am+

Am+ in Melbourne



Hi ! Guys

My friend 's got a private airplane, I took this opportunity taking scenic flight to see the magnificent sight seeing around Melbourne. So awesome !!

C u,...byee..eee
am+

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551

41

40

งานรุ่น 29/12/07_10

งานรุ่น 29/12/07_9

งานรุ่น 29/12/07_8

Mo C Mo L

งานรุ่น 29/12/07_7

งานรุ่น 29/12/07_7

งานรุ่น 29/12/07_7

งานรุ่น 29/12/07_6

งานรุ่น 29/12/07_5


งานรุ่น 29/12/07_5

งานรุ่น 29/12/07_4


งานรุ่น 29/12/07_4

งานรุ่น 29/12/07_3


งานรุ่น 29/12/07_3

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551

งานรุ่น 29/12/07_2


งานรุ่น 29/12/07_2

งานรุ่น 29/12/07_1


งานรุ่น 29/12/07_1

ภาพถ่ายงานวันเกิด โรงเรียน 2 ม.ค. 2551


ภาพถ่ายงานวันเกิด โรงเรียน 2 ม.ค. 2551

ภาพถ่ายงานวันเกิด โรงเรียน 2 ม.ค. 2551



ภาพถ่ายงานวันเกิด โรงเรียน 2 ม.ค. 2551